หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เปรียบเหมือน



แม้มิได้เป็นหงษ์ผู้ทรงศักดิ์

ขอจงรักเป็นโนรีที่หรรษา

แม้มิได้เป็นน้ำแม่คงคา

ของจงเป็นธาราใสที่ไหลเย็น

แม้มิได้เป็นมหานภาลัย

ขอพอใจเป็นจอมปลวกที่แลเห็น

แม้มิได้เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ

ก็ขอเป็นวันแรมที่แจ่มจาง

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บางสิ่งบางอย่าง

บางสิ่งบางอย่างไม่เห็นทำให้ไม่รู้จัก
บางสิ่งบางอย่างที่คิดว่ารู้จักคือไม่ใช่
บางสิ่งบางอย่างที่ใช่ไม่เป็นส่ิ่งที่ใฝ่ฝัน
บางสิ่งบางอย่างที่เคยใฝ่ฝันไม่ใช่ความจริง
บางสิ่งบางอย่างที่เป็นความจริงคือสิ่งที่มองไม่เห็น
บางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นเพราะไม่อยากรับรู้
บางสิ่งบางอย่างได้รับรู้คือความไม่เที่ยง
บางสิ่งบางอย่างไม่เที่ยงคือความจริง...ที่แน่นอน


วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความรักแท้


ความรักแท้
ความรักแท้จริง
ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
ไม่มีรสชาติ ไม่มีคำพูด
ไม่มีรูปแบบ ไม่มีผิด
ไม่มีถูก
มีแต่จริงใจ มีแต่โอบกอด
มีแต่รอยยิ้ม มีแต่ร้องไห้
มีแต่เศร้าใจ มีแต่เสียใจ
มีแต่ความสุข
มีแต่ความทุกข์
มีแต่โลก มีแต่นรก
มีแต่สวรรค์
ความรักแท้สามารถสัมผัสได้ด้วยหัวใจของคนสองคนเท่านั้น



True love

True love

Colorless, odorless

No taste, no words

There is no wrong

there was

I have a sincere embrace.

I smile but cry.

But sadly, but grudge.

But happy

But suffering

But the world is hell, 

But heaven

True love can touch the hearts of two people only. 

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความรักของข้าพเจ้าคือ ?I want that one be you


ความรักของข้าพเจ้าคือ ?

I want that one be you

    ความรักของข้าพเจ้าคืออะไร ความรักนั้นอาจจะมีค่าดั่งอัญมณีทั้งเก้า อาจจะสูงส่งหรือแข็งแรงดั่งภูผาสูง อาจจะดื่มด่ำหวานล้ำดั่งน้ำผึ้งในวันพระจันทร์แรม อาจจะสว่างไสวดั่งคบไฟเมื่อยามราตรีที่มืดมิด อาจจะอิ่มเอมเมื่อคราที่ลิ้มรสอาหารอันรสเลิศ อาจจะสดชื่นดั่งน้ำค้างตอนย่ำรุ่ง ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของข้าพเจ้านั้นข้าพเจ้าไม่เคยรู้เลยว่าความรักระหว่างหนุ่มสาวเป็นอย่างไรเพียงแค่ลุ่มหลงในบางเวลา กระชุ่มกระชวยหัวใจในยามที่แห้งแล้ง เพียงแค่ระเริงในวันที่หัวใจเกือบหยุดเต้น ข้าพเจ้ารู้จักแต่ความรักที่ให้กับตัวเองและไม่เคยคิดว่าจะคาดหวังสิ่งใดจากความรัก  และอะไรคือความรักกันแน่....

คนหนึ่งคนที่เดินทางบนเส้นทางสายชีวิตอย่างโดดเดี่ยวตลอดมาหวังว่าใครคนนั้นที่บางสิ่งได้ประทานมาให้ผูกพันคงจะมีบางสักคนไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ข้าพเจ้าสุขใจเมื่อเห็นคนอื่นมีความรัก ข้าพเจ้าเศร้าใจเมื่อเห็นคนอื่นเสียใจจากความรัก ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ข้าพเจ้าเป็นอยู่คืออะไรกัน...
 
 
 

    ความรักของข้าพเจ้าเป็นอย่างไรไม่รู้ข้าพเจ้ารู้เพียงแต่ว่า ยางของยาง น้ำของน้ำ ความรักเป็นทั้งสิ่งเริ่มแรกและสิ่งสุดท้าย เมื่อยามรักข้าพเจ้ามีทุกอย่างตามแต่ใจปรารถนา เมื่อปราศจากความรักข้าพเจ้าก็ไม่มีสิ่งใดเหลือเลย ความรักเป็นทั้งศรัทธาทั้งหลาย คือความหวังของทุกสิ่ง ความรักเป็นเสมือนพิภพ คือทุกอย่างที่เกิดจากโลกแล้วก็กลับไปสู่โลก ความรักคืออะไร พูดได้ยากบอกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ยากนักที่ผู้มีรักจะรู้สึกตัว

 พลังแห่งรักเป็นของขวัญอันมีค่าที่บางสิ่งบางอย่างประทานให้แก่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการรักตัวเอง รักคนอื่น รักสิ่งของ รักอะไรก็ตาม เพราะความรักสถิตอยู่ในดวงจิตเท่านั้น ความรักเกิดจากความรู้สึกนอกเหนือจากความเข้าใจ หาใช่ร่างกายไม่ มนุษย์ไม่อาจทำความรักสุกงอมได้ จนกระทั่งหลังจากผ่านความเศร้า ความพลัดพราก ความอดทน ความขมขื่นและความทุกข์ยากอันแสนทรมานและสิ่งเหล่านั้นจะเป็นการตีค่าความรักของมนุษย์ซึ่งจะมีให้กับฝ่ายตรงข้าม

    ความรักของข้าพเจ้าจะเปรียบด้วยดอกไม้ใด ๆ ไม่ได้ เพราะข้าพเจ้าได้ยินคำกล่าวว่า ความรักที่แท้จริงไม่ใช่สีแดงดั่งสีพฤกษาใด ๆ ความรักที่เปรียบดั่งดอกไม้นั้นย่อมไม่จีรังเหมือนดั่งดอกไม้ที่มีวันร่วงโรยได้ตลอดเวลาเมื่อโดนสิ่งใดกระทบกระทั่ง  ความรักที่แท้จริงนั้นย่อมมีสีดั่งสีนิล เหมือนดังสีพระศอพระศิวะ เมื่อทรงดื่มยาพิษร้ายเพื่อรักษาโลกให้พ้นภัย ความรักแท้จริงต้องสามารถต้านทานพิษแห่งชีวิต และต้องเต็มใจยอมลิ้มรสที่ขมขื่นที่สุดนี้ ความรักย่อมเต็มใจเลือกสีนิล คือความขมขื่นไว้ดีกว่าจะเลือกเอาสีอื่นที่มุ่งแต่จะหาความบันเทิงสุขอย่างเดียวสุดท้ายแล้วความรักนั้นคืออะไร....

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความรักและการแสวงหาความรัก


ความรักและการแสวงหาความรัก
ข้าพเจ้ามองย้อนกลับไปเรื่องเกี่ยวกับความรักว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไร ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความรักจริงๆ เมื่อไร  ข้าพเจ้าคิดว่า   บางครั้งก็แปลกเวลาข้าพเจ้าวิ่งตามบางครั้งมันก็มักจะวิ่งหนี  แต่พอข้าพเจ้าเหนื่อยและท้อไม่อยากจะตามมัน เจ้าความรักนี่กลับมาหยุดอยู่ใกล้ๆ  หรือข้าพเจ้าควรเปรียบความรักได้กับเงาของมนุษย์   ที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้ ตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตคงยากที่จะหลีกเลี่ยงที่จะมีรัก หลายคนคงพยายามที่จะให้คำจำกัดความกับความรัก แต่แท้จริงแล้วคงยากที่จะจำกัดขอบเขตของความรัก เพราะคงไม่สามารถใช้ข้อกำหนดอะไรมาเป็นตัวกีดกั้นความรัก ไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ ศาสนา อายุ หรือ แม้แต่เพศก็ตาม ถ้ามีคำถามว่าเมื่อไรความรักจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าคงยากที่จะตอบ แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่ามนุษย์จะทราบด้วยความรู้สึก สัญชาติญาณเองว่าเมื่อไรความรักกำลังเข้ามาเยี่ยมเยือน



 ในชีวิตคนข้าพเจ้านั้นคงไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้สัมผัสความรู้สึก ว่าได้รักใครหรือกำลังถูกรักโดยใครบางคน อย่างไรก็ตามคนทั่วไปต่างมุ่งหวังที่จะอยู่ในอารมณ์ ที่จะรักใครมากกว่าที่จะถูกรักโดยใคร ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะว่ามนุษย์ข้าพเจ้าเคยชินกับการเลือกมากกว่าที่จะถูกเลือก  แต่ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ใดก็ตามกล่าวได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ดีทั้งสิ้น มีมนุษย์หลายคนที่เกิดมาโดยไม่รู้จักหรือสัมผัสกับความรัก หรือบางคนไม่แม้แต่ที่จะรักใคร อารมณ์ความรักเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากไม่สามารถสอนกันได้ แต่สามารถสื่อสารกันได้ด้วยความรู้สึกล้วนๆ ดังนั้นเมื่อใดความรักได้ผ่านเข้ามาเยี่ยมเยือนและได้จากข้าพเจ้าไป จงอย่าเสียใจ เพราะนั่นทำมันให้ท่านได้สัมผัสความวิเศษสุด ในความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แล้ว   อย่างไรก็ตามอย่ากลัวที่จะรักอีก และข้าพเจ้าจะไม่พยายามสร้างขอบเขตและข้อจำกัดในรัก เพราะมิฉะนั้นข้าพเจ้าอาจจะไม่พบและไม่เจอะเจอมันอีกเลย หากแต่การจากลาของใครบางคนทำให้ข้าพเจ้าอ่อนแอ ข้าพเจ้าพยายามเข้าใจใหม่เสียว่า ข้าพเจ้าอ่อนแอตั้งแต่มีเขาเคียงข้างกายแล้ว แค่วันนี้ข้าพเจ้าไม่มีใครให้พักพิง
ในเมื่อข้าพเจ้าทิ้งเขาหรือเขาทิ้งข้าพเจ้าไปแล้ว ไม่แปลกหากน้ำตาที่ไหลริน ทำนบน้ำตาที่พังทลาย กับหัวใจที่สลายจนสิ้นไป เพราะใครบางคนที่ทิ้งไปในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกสูญสิ้นทุกอย่างไป เป็นเพราะข้าพเจ้าได้นำทุกอย่างให้เขาไปต่างหากล่ะ ในตอนนี้ข้าพเจ้าคงทำได้เพียงนั่งร้องไห้ จนคิดว่า น้ำตามีไม่เพียงพอให้ไหลรินจนหมดใจนอกจากน้ำตาที่มันจะกัดเซาะบาดแผลในใจของข้าพเจ้าให้ลุกลามแล้ว มันยังเป็นน้ำกรดราดรดลงไปในใจคนรอบข้างที่รักข้าพเจ้าอีกด้วย ไม่ใช่เพียงข้าพเจ้าคนเดียวที่เสียใจและเจ็บปวด ยังมีอีกคนที่เจ็บปวดไปพร้อมกับข้าพเจ้า   จงลืมตาขึ้นสิข้าพเจ้าบอกตัวเอง....... ข้าพเจ้าได้มองเห็น "คนที่รักข้าพเจ้า"  ที่ยืนเฝ้ามองข้าพเจ้าอยู่ห่างๆ อย่างห่วงใย นอกห้องออกไป นอกห้องที่ข้าพเจ้าขังตัวเองไว้เนิ่นนาน เขาพร้อมจะซับน้ำตาข้าพเจ้าทันทีที่ข้าพเจ้าเอ่ยปาก คนที่ยอมรับการตัดสินใจของคุณอย่างเจ็บปวด คนที่ใช้สองมือรองรับน้ำตาอย่างอาทร และพร้อมใช้ไหล่กว้างซับผ่าน.......ให้ไหลลึกลงไปสู่หัวใจ แต่ "คนที่ทำร้ายข้าพเจ้า" กำลังปล่อยมือช้าๆ และก้าวออกห่างคุณอยู่เลยๆ คนที่กำลังก้าวข้ามน้ำตาข้าพเจ้าไปอย่างรังเกียจ คนที่เห็นน้ำตาข้าพเจ้าเป็นเพียงหยาดน้ำ คนที่ไม่รับรู้เสียงสะอื้นที่ข้าพเจ้าร่ำไห้
 ข้าพเจ้าถือได้ว่าขาดแคลนความรู้สึกนั้นมานานแสนนาน  น้อยคนที่จะรักข้าพเจ้าจริง น้อยคนที่จะมองเห็นความรักของข้าพเจ้า  ไม่ว่าคนเหล่านั้นที่เข้ามาพัวพันกับข้าพเจ้าในสถานะใดทุกคนล้วนคาดหวังความรักของข้าพเจ้าทั้งสิ้น  ข้าพเจ้าพึ่งมาคิดได้ความรักนั้นไม่ใช่การเติมเต็มอย่างเดียวเปรียบเสมือนดินเหนียวก้อนหนึ่งที่ทุกคนมองให้มันสามารถปั้นแต่งรูปร่างได้ดังใจ  เมื่อเอาน้ำผสมเข้าไปมากดินเหนียวนั้นก็จะเละ  แต่ถ้าไม่เติมน้ำเลยดินก็จะแข็ง นั้นคือสัจธรรมที่สอนข้าพเจ้าว่าไม่มีอะไรเป็นความพอดีทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นของข้าพเจ้าตายตัว ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนจับต้องไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของข้าพเจ้าจริงๆ สักอย่างแม้แต่ความรักที่ข้าพเจ้ามองเห็นของพี่คนหนึ่งที่เขาเอาใจใส่ดูแลข้าพเจ้าดีมากในสถานะที่ข้าพเจ้าเป็นน้องสาวของเขา แต่ความรักที่เขามีให้นั้นก็เป็นดินเหนียวที่เติมน้ำมากเกินจนกลายเป็นตม และตมก็จะเลอะติดขาเวลาข้าพเจ้าเดินเหยียบ และดินเหนียวก้อนนั้นก็จะไม่สามารถที่จะปั้นแต่งรูปร่างเป็นอะไรได้เลย ข้าพเจ้าจำใจให้ดินเหนียวก้อนนั้นเป็นก้อนดินที่มีค่ามากแต่เป็นก้อนดินที่ข้าพเจ้าจับต้องไม่ได้  ข้าพเจ้าปล่อยเขาเองเวลาที่ข้าพเจ้ากำดินเหนียวที่กลายเป็นโคลนด้วยมือเปล่าข้าพเจ้าเจอแต่ความเปื้อนที่ยังติดมือโดยที่ข้าพเจ้ามองไม่เห็นหัวใจตัวเองว่าเจ็บปวดกับสถานะของ
ดินเหนียวก้อนนั้นแค่ไหน ข้าพเจ้าได้แต่มองอยู่ห่างๆ อย่างมีความหวังว่าสักวันหนึ่งดินเหนียวก้อนนั้นจะเป็นรูปร่างเป็นแจกัน แก้วน้ำ หรือสิ่งใดๆ ที่มีค่ามากกว่าดินเหนียว ข้าพเจ้าจะยินดีที่เขาทำให้ความรักที่มีให้แก่ข้าพเจ้าเป็นรูปร่างและเป็นนามธรรม  สักวันข้าพเจ้าต้องเจอกัน  ข้าพเจ้าคงต้องเลือกแล้วระหว่าง หัวใจที่ยังมีอยู่ กับ หัวใจที่ไม่มีข้าพเจ้า  เคยบ้างไหม เคยรู้ตัวบ้างหรือเปล่าข้าพเจ้าสมน้ำหน้าตัวเองให้สติกับตัวเอง บางครั้งเรื่องบางเรื่องก็ต้องให้คนอื่นบอก...ถึงจะเข้าใจ  นี้ก็อย่างที่เขาบอกว่าทุกอย่างมีข้อจำกัด คำว่ารักก็มีข้อจำกัดในความหมายของตัวมันเอง

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความสุขในความทุกข์



                     ความสุขในความทุกข์


ในวันที่ข้าพเจ้าคิดว่า ความสุขที่กำลังเจอนั้นมันคืออะไร มันเป็นจริงหรือไม่ บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่ข้าพเจ้าไม่รู้ตัว ข้าพเจ้าเคยคิดว่าหากเมื่อไรความทุกข์เข้ามาไม่นานก็มีความสุข น้อยคนที่จะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อลมพัดมาแล้วก็พัดไป บางครั้งคนข้าพเจ้าก็อยู่ผิดที่ผิดทางแต่ข้าพเจ้าก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ข้าพเจ้าเจอ เหมือนตัวไหมจะกลายเป็นตัวไหมที่สมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในที่มีใบหม่อนน้ำยังเปลี่ยนสี ฟ้ายังมีมืดและสว่าง


     บางครั้งในความมืดที่มองไม่เห็นหนทาง แค่มีแสงไฟจากตะเกียงเล็กๆ ที่คอยส่องทางให้ แม้ข้าพเจ้ามองเห็นไม่ได้ตัวตาแต่ข้าพเจ้าสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ การที่ข้าพเจ้าปิดตาเหมือนข้าพเจ้าปิดหัวใจ การที่ข้าพเจ้าไม่เปิดใจยอมรับกับสิ่งที่เจอนั้นย่อมนำความทุกข์มาให้ เพราะฉะนั้นอาจจะบอกได้ว่าความทุกข์อยู่ที่ใจของข้าพเจ้า หากข้าพเจ้ายอมรับในสิ่งที่เขาเป็นแม้การกระทำของเขาจะทำร้ายข้าพเจ้ามากแค่ไหน แต่หากข้าพเจ้าไม่ซ้ำเติมความเจ็บช้ำนั้นด้วยตัวข้าพเจ้าและน้ำมือข้าพเจ้าเองก็เพียงพอ

To date, I think . I 'm happy that it is. It is true or not . Something happened that I did not know. I used to think that if you are suffering from no longer happy. Less people to understand what happened. When the wind blows , it blows . Sometimes I am in the wrong place at the wrong way, but I had to accept the things I come across. Like a silkworm silk becomes complete when they are in the water the leaves change color. The dark and light blue .
   Sometimes, in the dark , invisible way. Just a little light from the lamp . That will illuminate the way . I did not even see the eyes but with the mind I can . I closed my eyes as close to the heart . I admit that I do not know what that can lead to suffering . Thus it may be said that the pain in my heart . If I accept what he is , despite his actions hurt me much. But if I do not aggravate the pain with my hands and I had enough.

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

The pursuil of happyness


The  pursuil  of  happyness

ข้าพเจ้าได้ดูหนังเรื่องหนึ่งยิ่งดูหลายครั้งก็ยิ่งซาบซึ้งความหวัง ความต้องการที่ข้าพเจ้าเองพยายามไล่ตาม  ตัวละครหลักคือพ่อที่พยายามทำงานเพื่อที่จะให้ลูกมีความสุขยิ่งปัญหาถาโถมเข้ามามากมายเท่าไร  สิ่งหนึ่งที่ตัวละครในเรื่องนี้มีคือจุดมุ่งหมายที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่นักที่เขาเรียกมันว่าความสุข เพียงแค่การกระทำที่เขาพยายามเพื่อให้ได้อาจจะไม่ยิ่งใหญ่ในสายตาของคนทั่วไปแต่ผลที่ได้รับมีตัวเขาเท่านั้นที่ยินดีกับมัน ยินดีที่ตัวเองได้พยายามเพื่อใครบางคน เพื่อคนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต  ดีใจกับจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่เขาทำให้คนที่รักภูมิใจ
  ข้าพเจ้ามองสิ่งที่ตัวเองเป็นเปรียบเทียบกับสิ่งที่คนอื่นเป็นข้าพเจ้าอยากที่จะมีชีวิตเหมือนคนที่เขามีความสุขที่สุด แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเพราะอะไรข้าพเจ้าหาความสุขยากเหลือเกิน  ข้าพเจ้าเคยคิดว่าการมีปัจจัยทั้งสี่อย่างจะเพียงพอแล้วกับการใช้ชีวิต  แต่เมื่อข้าพเจ้ามีมันครบก็ใช่ว่าจะทำให้จิตใจของข้าพเจ้าจะสงบ ข้าพเจ้ายังคงดิ้นรนไขว่คว้ามันโดยไม่รู้ว่าเมื่อไรตัวเองจะค้นหามันเจอสักที  บางครั้งข้าพเจ้าเหนื่อยอยากที่จะทิ้งมันไปเสียแต่มันก็ไม่เคยจะมีอะไรที่ทำให้ข้าพเจ้าหยุดความต้องการความสุขได้ 
ข้าพเจ้าไม่เคยมีครอบครัวที่มีพร้อมทั้งพ่อแม่ลูก  ข้าพเจ้าไม่เคยมีผู้ใหญ่คอยแนะนำว่าต้องทำอย่างไรต่อ ข้าพเจ้าเลือกทางเดินของตัวเองตามสติปัญญาของตัวเองในแต่ละวัยแต่ละช่วงเวลาที่ข้าพเจ้ามีสำนึกได้ในขณะนั้น



จุดมุ่งหมายการใช้ชีวิตเลือกเองตามใจต้องการข้าพเจ้าเคยคิดว่ามันคือความสุข ข้าพเจ้ามั่นใจในตัวเองหนักหนาว่าแม้ไม่มีใครแต่ข้าพเจ้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้  แต่การที่อยู่ได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้ามีความสุขเลย  ในวันที่ฝนตกข้าพเจ้าเคยมองมันและคิดว่าฝนเป็นน้ำตาทั้งหมดที่ข้าพเจ้าอยากจะมี ความสับสนที่ข้าพเจ้าคิดเรื่องเก่าทั้งที่ผิดพลาดและเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าพอใจเหมือนแผ่นหนังที่ต้องฉายกลับมาในหัว  
ข้าพเจ้าอยากที่จะย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไขสิ่งไม่ดีกับภาพอดีตและในบางเวลาข้าพเจ้าอยากจะจมดิ่งกับช่วงชีวิตที่ข้าพเจ้ามีความสุขที่สุด
อาจจะเพราะข้าพเจ้าทำใจไม่ได้กับการจากลาจากสถานที่ที่จากมา หรือกับบุคคลที่ข้าพเจ้าจากเขาโดยไม่ได้ลาบางครั้งข้าพเจ้าไม่สามารถอธิบายวิธีการเลือกดำเนินชีวิตของตัวเองให้บุคคลอื่นฟังได้  แม้คำขอโทษที่ข้าพเจ้าเคยทำเรื่องที่ให้เขาไม่สบายใจให้พวกเขาเดือดร้อนเพราะความรัก ความห่วงใยที่พวกเขามีให้ข้าพเจ้านั้นมันมากเกินความจำเป็น ข้าพเจ้าเรียนรู้สิ่งดีๆ  หลายอย่างที่พวกเขามีให้